จากนักศึกษาจบปริญญาตรี
คณะบริหาร สู่การเป็นเกษตรกรรายได้หลักแสนต่อเดือน
วันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องราวของสาวคนหนึ่ง
ซึ่งเธอจบปริญญาตรีคณะบริหาร หันมาทำอาชีพเสริมโดยการเป็นเกษตรกรเต็มตัว
สร้างรายได้จากพื้นที่เพียง 4 ไร่
ในการปลูกผักหวานป่า สวนจันทร์คูณ จนในปัจจุบัน
เธอสามารถสร้างรายได้ถึงหลักแสนบาทต่อเดือน
เรื่องราวของเธอ
อาจช่วยให้คนรุ่นใหม่ เปลี่ยนแนวคิดและอาจเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆคน
ซึ่งเรามาทำความรู้จักกับเธอเลยดีกว่า เธอคือคุณนันทวดี คันทรง
หรือที่คุ้นหูของชาวบ้านแถวนั้นคือ น้องแอ
จบจากราชมงคลจักรพงษภูวนารถ คณะบริหาร
ปัจจุบันทำงานที่ธนาคาร ธกส. สาขา อ.บ้านหมอ
จ.สระบุรี ฝ่ายสินเชื่อ โดยก่อนหน้านั้นเธอได้หันมาทำอาชีพเสริม หลังจากที่เรียนจบ
เธอได้ตัดสินใจปลูกผักหวานป่าในพื้นที่ดินของพ่อ แม่ เพียง 4
ไร่ เพราะได้เล็งเห็นโอกาสในการปลูกต้นไม้ยืนต้น
ที่สามารถสร้างรายได้ให้กับเธอในอนาคต และสามารถทำผลกำไร และได้รับผลผลิตทั้งปี
เธอได้ทุ่มเท
ให้กับการทำสวนผักหวานป่า เป็นระยะเวลา 2 ปี
จากการที่เธอได้ทำงาน ที่ธนาคารธกส ทำให้เธอได้ความรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตของเกษตรกร
การได้พบปะ กับเกษตรกรมากมาย ทำให้เธอสามารถหาตลาดและกระจายสินค้า ได้ในอนาคต
โดยปกติแล้ว การปลูกผักหวานป่าต้องใช้เวลา 4-5 ปี
จึงจะสามารถ เก็บมาขายทำกำไรได้ หน้าที่ใช้วัดระยะเวลาเพียงแค่ 2 ปีครึ่งเท่านั้น ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว เพราะเธอคอยดูแลสวนผักหวาน
เป็นพิเศษอยู่เสมอทั้งรดน้ำพรวนดินให้ปุ๋ยอินทรีย์อย่างต่อเนื่อง
ทำให้สวนผักหวานป่าสร้างรายได้ให้เธอไม่ต่ำกว่า 20,000 บาทต่อเดือน
การปลูกต้นผักหวานป่านั้น
เป็นพืชที่ปลูกยากและให้ผลผลิตยาก ต้องได้น้ำที่พอเหมาะได้แสงที่พอดี
ยอดถึงจะแตกได้ตลอดทั้งปี
จึงต้องปลูกมะขามเทศเพื่อให้ร่มเงาห่างกันต่อต้นประมาณ 3
เมตร แล้วปลูกผักหวานไว้ตรงกลาง ต้องให้น้ำอาทิตย์ละครั้ง
จึงต้องเดินท่อให้น้ำระบบสปริงเกอร์ ซึ่งเธอเองเป็นผู้หญิงที่ลงมาทำด้วยตัวเองโดยมีคุณตา
คุณยายคอยช่วยเหลือ เป็นกำลังใจสำคัญ และการจ้างคนเข้ามาช่วยดูแลอีกทาง
และหลังจากที่คุณนันทวดีทำงานที่
ธกส. ได้ประมาณ 2 ปีครึ่ง เธอก็ตัดสินใจลาออกมาดูสวนผักหวานอย่างเต็มที่
และเป็นเกษตรกรอย่างเต็มตัว จนปัจจุบัน เธอสามารถสร้างรายได้ต่อเดือนได้ถึงหลักแสนบาทแล้ว
โดยช่องทางในการขายของเธอ ส่วนมากจะผ่านทาง Facebook เป็นหลัก
ซึ่งปัจจุบันผักหวานป่าสวนจันทร์คูณสามารถแบ่งขายได้หลายส่วนด้วยกันคือ
1. ยอดผักหวานป่า ที่สามารถสร้างรายได้มากกว่า
20,000 บาท/เดือน
ราคาขายยอดอยู่ที่ 60-120
บาทแล้วแต่ฤดูกาลและราคาตามท้องตลาด
2. กิ่งตอนผักหวานป่า ซึ่งเป็นอีกส่วนที่สร้างรายได้ได้มากกว่ายอดคือ
สามารถสร้างรายได้มากกว่า 40,000 บาท/เดือน
ซึ่งราคาขายกิ่งก็จะแบ่งออกตามขนาดของกิ่งและราคาก็จะแตกต่างกันไป
เช่น กิ่งเล็ก 150 บาท,
กิ่งกลาง 200 บาท, กิ่งใหญ่ 250 บาท
เฉลี่ยรายได้ 200 บาท/กิ่ง
3. เมล็ดพันธุ์ ถุงละ 500บาท ขั้นต่ำ100เมล็ด
จากรายได้ต่อเดือนที่ได้จากการขายต้นผักหวานป่าของเธอ
ถือได้ว่าเธอเป็นอีกหนึ่งคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ และเป็นตัวอย่างที่ดีในการทำการเกษตร
สามารถสร้างรายได้ให้กับตัวเองและครอบครัว แม้ว่าจะหักค่าใช้จ่ายไปแล้ว
แต่เธอก็ยังได้รับรายได้ต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 80,000
บาทเลยทีเดียว
สำหรับคนยุคใหม่
ไม่ว่าจะทำงานอาชีพอะไรก็ตาม ขอแค่มีความขยัน อดทน มุ่งมั่นที่จะทำ
ไม่มีใครที่จะไม่ประสบความสำเร็จ หรือแม้แต่การทำอาชีพเสริมเล็กๆในน้อยที่คุณรัก
ก็อาจสามารถสร้างรายได้ให้คุณ จากรายได้เงินเดือนประจำไม่กี่หมื่นบาทต่อเดือน ขยับขึ้นมากลายเป็นหลายแสนบาทต่อเดือนเหมือนคุณนันทวดี
ได้เช่นกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น