รีวิวสบู่ 5 แบรนด์ในไทย
สวัสดีค่ะก่อนอื่นต้องขอเล่าที่มาที่ไป
ในการรีวิวครั้งนี้ก่อนนะค่ะ พอดีเอฟได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ลาว ด้วยความบังเอิญเอฟก็ไปเจอสบู่ยี่ห้อหนึ่งที่มีตัวหนังสือเขียนเป็นภาษาไทย
ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นสินค้าที่มาจากไทยแน่เลย แต่สินค้าแบรนด์นี้เอฟเองยอมรับเลยว่าก็ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน
ตอนที่เดินผ่านหน้าร้านนี้ไปมาหลายรอบ ในใจก็คิดว่าจะซื้อดีไหมหรือจะแค่ลองถามแม่ค้าดูก่อนดี
ว่าสบู่ยี่ห้อนี้รับมาจากไหนใช่ที่ไทยรึป่าว เผื่อจะได้สอยเอาไปอวดเพื่อนๆที่ไทย
แล้วก็มีเสียงแว้วๆมาว่า
แม่ค้า
:
สบายดี สนใจสินค้าตัวไหนถามได้โดย
-
ส่วนตัวเรา ก็ยังงงกับคำว่า
โดยอะไร (โดยแปลว่าค่ะหรือครับ)
เอฟ
: สบู่แบรนด์นี้นำเข้ามาจากไทยใช่ไหมค่ะ
แม่ค้า
: โดย สบู่หอยหากนี้ กำลังดัง แล้วกะขายดี ในหมู่สาวๆวัยรุ่นที่ลาว
เอาเข้ามาขายได้บ่ถึงเดือน แต่เป็นกระแสแฮงมากโดย
เอฟ
: ราคาก้อนละเท่าไรค่ะ
แม่ค้า
: 30,000 กีบ โดย
-
(เราเลยหยิบโทรศัพท์มาคำนวณดู
ราคาอยู่ประมาณ 130 บาท ในใจเรายังคิดอยู่ว่า โอ้ยตั้ง 130 บาท คนลาวกล้าซื้อได้ไง
แต่เมื่อเทียบกับราคากับข้าวที่ขายในลาว ราคาก็ไม่ต่างกันมาก 5555 ) เราเลยลองต่อราคาดู
เอฟ
: ลดราคาได้ไหมค่ะ อยากซื้อไปลองใช้ค่ะ
แม่ค้า
: บ่ได้แล้วกำไรน้อยโดย แล้วก็ยิ้มหวานๆให้เรา
เอฟ
: ด้วยความอยากรู้อยากลองของเราเลยจัดมาซะ 1 ก้อน
เมื่อกลับมาไทยเอฟก็ไม่รอช้าที่จะมารีวิวทดลองสบู่แบรนด์นี้
ว่าแตกต่างจากแบรนด์ไทยทั่วไปอย่างไรทำไมถึงสามารถนำไปขายในตลาดลาวได้ ทั้งที่เราก็ไม่เคยได้ยินชื่อแบรนด์นี้มาก่อน
แถมดังในลาวด้วย เดี๋ยวเอฟจะเอาสบู่ 4 แบรนด์ดังที่ไทยมาลองเปรียบเทียบกันดู
ซึ่งคิดว่าเราคนไทยเกือบทุกคนรู้จักแน่นอน อิงอร & เบนเนท
& โพรเทค & โอโม่ไวท์พลัส และ สบู่แอริน่า(ในลาว)ที่คิดว่าน้อยคนจะรู้จัก
โดยการรีวิวจะประกอบไปด้วย
1.ราคา/2.ขนาด/3.แพ็คเก็จการบรรจุภัณฑ์/4.ความถนัดในการจับ/5.กลิ่น/6.ฟองแฟ๊บ/7.ฟองครีบ/8.การทำความสะอาด(เอฟจะใช้ดินสอเขียนคิ้วในการทดลอง
เพื่อดูการชะล้างสิ่งสกปรก)/9.ความกระจ่างใส/10.ความชุ่มชื้นของผิวหลังใช้/11.การระคายเคืองผิวหลังใช้
ข้อมูลต่อไปนี้ที่กล่าวเป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะค่ะ ^^
เริ่มต้นกันที่
1.สบู่อิงอร
น้ำนมข้าว ราคา 30 บาท 130 กรัม
ราคาต่อหน่วย
0.23บาท/กรัม
แพ็คเก็จแบบประหยัด
ไม่เน้นการบรรจุภัณฑ์ แต่เน้นปริมาณและความคุ้มค่า
ในราคา 30
บาท แต่ให้มาถึง 130
กรัม ถือว่าให้คุ้มเลยทีเดียว
เรื่องราคาให้ไปเลย 5 คะแนนเต็ม
แต่แพ็คเก็จให้อยู่ที่
1
คะแนนค่ะ แต่ก็ยังมีการสลักชื่อแบรนด์บนตัวสบู่เลยให้เพิ่มอีก 1
คะแนนเป็น 2 คะแนนค่ะ
ความถนัดในการจับ
สบู่มีลักษณะกลมมน จับถนัดมือมาก ให้ไปเลย 5 คะแนนเต็มค่ะ
มาที่เรื่องของกลิ่นบ้างค่ะ
กลิ่น สบู่อิงอร
จะมีกลิ่นหอมน้ำนมข้าวแบบอ่อนๆ ไม่ฉุนมาก ให้ที่ 3 คะแนน
การให้ฟองแฟ็บ
อยู่ในระดับ 2 คะแนน
การให้ฟองครีบให้ที่
3
คะแนน อยู่ในระดับกลางๆ เมื่อถูแล้วจะเกิดฟองแบบนุ่มๆค่ะ
การชำระล้างสิ่งสกปรก
ให้ 4
คะแนนค่ะ
ความกระจ่างใส
ให้ 3
คะแนนค่ะ
ความชุ่มชื้นของผิว
ให้ 3
คะแนน
การระคายเคืองผิวให้
4
คะแนน
สรุปผล
ข้อดี
คือ
- ราคาประหยัด
- จับกระชับมือ
- ชำระล้างสิ่งสกปรกได้ดี
ข้อด้อย
คือ
- แพ็คเก็จ
- การให้ฟองแฟ็บน้อย
- หลังใช้สบู่
รุ้สึกผิวแห้งๆ ขาดความชุ่มชื้น
……………………………………………………………………………………………….
มาต่อกันที่
2.สบู่เบนเนท
เอ็กซ์ตร้า ไวท์ ราคา 55 บาท 130 กรัม
ราคาต่อหน่วย
0.42บาท/กรัม
ในเรื่องของ แพ็คเก็จสบู่เบนเนท
ถือว่าลงทุนเลยที่เดียว กล่องหนาแถมเคลือบสีเงินค่ะ ซองพลาสติกด้านในเป็นสีใสและมีสกรีนชื่อแบรนด์ที่ซองด้วย
แต่ตัวสบู่ไม่มีการสลักชื่อแบรนด์ ถือว่าสบู่ที่พี่บุ๋มเป็นพรีเซ็นเตอร์ เขากล้าลงทุนจริงๆ
ทั้งที่ส่วนตัวคิดว่า กล่องสบู่ไม่ได้ใช้ประโยนช์อะไร แต่ก็อย่างว่าละค่ะ
การที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ขายดี แพ็คเก็จต้องดูสวยงามไว้ก่อน ในเรื่องของแพ็คเก็จให้สบู่พี่ปุ๋มไปเลย
4
คะแนนค่ะ
ส่วนในเรื่อง
ความถนัดในการจับ สบู่มีลักษณะเป็นเหลี่ยมๆ จับไม่ค่อยถนัดมือ ให้ที่ 3 คะแนน (เพราะส่วนตัวชอบสบู่แบบกลมมากกว่าจับแล้วไม่ค่อยหลุดมือค่ะ)
มาต่อกันที่เรื่องของกลิ่นบ้างค่ะ
กลิ่น สบู่เบนเนท
ให้กลิ่นหอมสมุนไพรมาก คล้ายๆกลิ่นโสม แค่แกะซองพลาสติกออกมายังหอมเลย ให้ไปเลย5คะแนนเต็มค่ะ
การให้ฟองแฟ็บเอาไปเลย5คะแนนค่ะ
อยู่ในระดับที่ดีมาก ถูแรงๆเกิดเป็นฟอง bubble ด้วยค่ะ
การให้ฟองครีบให้ที่1คะแนน ฟองมีความละเอียดน้อยไปหน่อย
การชำระล้างสิ่งสกปรก
ให้3คะแนนค่ะ เพราะยังเหลือคราบ ดินสอเขียนคิ้วบางส่วน
ความกระจ่างใสให้4คะแนน หลังถูเสร็จผิวดูกระจ่างใสขึ้น
ความชุ่มชื้นของผิวให้1คะแนน
ผิวขาดความชุ่มชื้น รู้สึกถึงความแห้งของผิว ต้องทาโลชั่นหลังฟองสบู่
การระคายเคืองผิวให้3คะแนน
ถ้าถูแรงเกิน จะมีการอาการแสบนิดๆหลังใช้เสร็จ
สรุปผล
ข้อดี
คือ
- แพ็คเก็จ
ดูน่าใช้
- ฟองแฟ็บมาก
ถูแรงๆเกิดเป็นฟอง bubble ด้วยค่ะ
- ความกระจ่างใส
หลังถูเสร็จผิวดูกระจ่างใสขึ้น
ข้อด้อย
คือ
- ผิวขาดความชุ่มชื้น
รู้สึกถึงความแห้งของผิว ต้องทาโลชั่นหลังฟองสบู่
- การชำระล้างสิ่งสกปรกยังน้อย
เพราะยังเหลือคราบ ดินสอเขียนคิ้วบางส่วน
- สบู่มีลักษณะเป็นเหลี่ยมๆ
จับไม่ค่อยถนัดมือ
……………………………………………………………………………………………….
ต่อไปเป็น
3.สบู่โพรเทค
มะขาม ขมิ้น ทานาคา ราคา 48 บาท 130 กรัม
ราคาต่อหน่วย
0.37บาท/กรัม
มาดูแพ็คเก็จกันค่ะ
แพ็คเก็จเป็นกล่องพลาสติกแบบใส
เห็นเนื้อสบู่ด้านในได้ชัดเจนว่าเป็นรูปทรงไหนและสีอะไร คิดว่าเป็นตั้งใจของแบรนด์โพรเทค
เพื่อที่จะสื่อให้เห็นภาพลักษณ์ด้านในของสบู่ แต่ก็ทำให้นึกถึงสบู่แบรนด์หนึ่ง
ที่ชื่อก๊กเลี้ยง ที่มีลักษณะกล่องที่คล้ายๆกัน มาต่อกันที่ซองพลาสติกด้านในค่ะ จะเป็นซองสีใสมีสกรีนชื่อแบรนด์
แต่ตัวสบู่ไม่มีการสลักชื่อแบรนด์ไว้ค่ะ ในราคา 48 บาท แล้วให้สบู่มาถึงขนาด 130 กรัม ถือว่าให้คุ้มเลยทีเดียวเช่นกัน
แพ็คเก็จให้ที่ 3 คะแนนนะค่ะ
ส่วนในเรื่อง ความถนัดในการจับ
สบู่มีลักษณะเป็นเหลี่ยมๆ จับไม่ค่อยถนัดมือ แต่ก็เป็นเหลี่ยมน้อยกว่า สบู่เบนเนท เลยให้ที่
4 คะแนน
ส่วนกลิ่น
ยังไม่ทิ้งความเป็น Protex ยังมีกลิ่นเหมือนสบู่ Protex
ทั่วไป อาจจะเป็นเพราะเขาต้องการคงความเป็นเอกลักษณ์ของเขาไว้
ถึงแม้จะไม่สัญลักษณ์บอกที่ตัวก้อนว่าเป็นสบู่ Protex แต่ก็ยังมีกลิ่นติดไว้
ไม่ว่าใครที่ใช้สบู่ก้อนนี้ ก็สามารถรู้ได้เลยว่าเป็น Protex ถือว่าเป็นจุดแข็งของแบรนด์นี้จริงๆ
เรื่องกลิ่นหอมให้ไป 3 คะแนน
แต่บวกกับความเป็นเอกลักษณ์ให้อีก 1 คะแนน รวมเป็น 1 คะแนน ยอมให้ 4 แต้มเพราะมีความเป็นเอกลักษณ์เรื่องกลิ่นเลยค่ะ
การให้ฟองแฟ็บเอาไปเลย
4 คะแนนค่ะ อยู่ในระดับที่ดีมาก
การให้ฟองครีบให้ที่
2 คะแนน ฟองมีความละเอียดน้อยไปหน่อย
การชำระล้างสิ่งสกปรก
ให้ 5 คะแนนค่ะ บอกเลยว่า เขาเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆ
การการชำระล้างสิ่งสกปรกดีเยี่ยม แค่ถูนิดเดียวคราบดินสอเขียนคิ้วออกหมดเลย
ความกระจ่างใสให้
3
คะแนน ความกระจางใส อยู่ในระดับปานกลาง มองเห็นได้ไม่ชัดเจน
ความชุ่มชื้นของผิวให้
1 คะแนน ผิวขาดความชุ่มชื้น รู้สึกถึงความแห้งของผิว ต้องทาโลชั่นหลังฟองสบู่
การระคายเคืองผิวให้
3 แต้ม ถ้าถูแรงเกิน จะมีการอาการแสบนิดๆหลังใช้เสร็จ
สรุปผล
ข้อดี
คือ
- ราคาประหยัด
- ชำระล้างสิ่งสกปรกได้ดีมาก
- ฟองแฟ็บมาก อยู่ในระดับที่ดีมาก
- กลิ่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะแบรนด์
ข้อด้อย
คือ
- แพ็คเก็จ
ใช้พลาสติกเยอะไป เป็นมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมค่ะ
- ผิวขาดความชุ่มชื้น
รู้สึกถึงความแห้งของผิว ต้องทาโลชั่นหลังฟองสบู่
- เนื้อฟองสบู่ไม่ค่อยละเอียด
………………………………………………………………………………………………
มาถึงรีวิวที่
4
กันแล้วนะค่ะ
4.สบู่โอโม่ไวท
พลัส ราคา 159 บาท 100 กรัม
ราคาต่อหน่วย
1.59บาท/กรัม
แพ็คเก็จ กล่องบางกว่าสบู่ของพี่บุ๋ม
มีการเล่นสีบนกล่องเป็นสายรุ้ง ถือว่าเป็นเอกลักษณ์ของสบู่แบรนด์โอโม่พลัส ซองด้านในเป็นพลาสติกสีใสมีสกรีนชื่อแบรนด์ด้วย
ตัวสบู่มีการสลักชื่อ
ถือว่าลงทุนเช่นกัน
ลดความหนากระดาษกล่อง แต่มาเพิ่มพิมพ์ชื่อบนสบู่แทน
งานนี้ต่างคนต่างงัดไม้เด็ดมาแข่งกัน ขึ้นอยู่กับลูกค้าแล้วละค่ะว่า จะชอบสไตล์ไหน
ราคาสบู่โอโม่พลัสอยู่ที่
159 บาทในขนาด 100 กรัม ถือว่าแพงเลยทีเดียว
แต่เมื่อเทียบกับสบู่ที่ขายในตลาดออนไลน์
ราคาก็ไม่ต่างกันมากถือว่าถูกกว่าบางแบรนด์
สำหรับแพ็คเก็จเราให้อยู่ที่
4 คะแนนค่ะ
สบู่มีลักษณะก้อนกลม
จับถนัดมือดี ให้ไป 5 คะแนนค่ะ
มาต่อกันที่เรื่องของกลิ่นบ้างนะค่ะ
กลิ่น สบู่โอโม่พลัส
มีกลิ่นเป็น ฟรุ๊ตตี้ หอมกลิ่นผลไม้ ความหอมให้ 4 คะแนน
ฟองแฟ็บให้ 5 แต้ม อยู่ในระดับที่ดีมาก แต่สีของฟองมี สีฟ้า
เหมาะสำหรับคนที่ชอบแนวแฟนตาซี แต่สำหรับคนรักสุขภาพก็อาจจะหวั่นๆนิดว่าทำไมมีสี
จริงๆแล้วคงเป็นเพราะแบรนด์นี้ต้องการให้ฟองสบู่ออกมาเป็นสีฟ้า อาจเพราะต้องการสื่อถึงความเป็นฟรุ๊ตตี้
ก็คงเหมือนสบู่ชาโคลที่มีฟองเป็นสีดำค่ะ
การให้ฟองครีบให้ที่
1 คะแนน มีความละเอียดของฟองน้อย
การชำระล้างสิ่งสกปรก
ให้ 4
แต้ม สามารถชำระล้างได้ดี
ความกระจ่างใสให้
4 คะแนน หลังถูเสร็จผิวดูกระจ่างใสขึ้น
ความชุ่มชื้นของผิวให้
1 คะแนน ผิวขาดความชุ่มชื้น รู้สึกถึงความแห้งของผิว ต้องทาโลชั่นหลังฟองสบู่
การระคายเคืองผิวให้
3 คะแนน ถ้าถูแรงเกิน จะมีการอาการแสบนิดๆหลังใช้เสร็จ
สรุปผล
ข้อดี
คือ
-
สบู่มีลักษณะก้อนกลม จับถนัดมือดี
- ฟองแฟ็บมาก
ถ้าถูแรงๆเกิดเป็นฟอง bubble
- การชำระล้างสิ่งสกปรก
ให้ 4 แต้ม สามารถชำระล้างได้ดี
ข้อด้อย
คือ
- ผิวขาดความชุ่มชื้น
รู้สึกถึงความแห้งของผิว ต้องทาโลชั่นหลังฟองสบู่
- ราคาค่อนข้างสูง
- เนื้อฟองสบู่ไม่ค่อยละเอียด
……………………………………………………………………………………………….
ถึงคิวสบู่ที่เราไปสอยมาจากเวียงจันทร์แล้วค่ะ
5.สบู่แอริน่า
กลูต้าสเนล สูตรยืดได้ ราคา 130 บาท 100 กรัม(ในไทยแค่ 100
บาทค่ะ)
ราคาต่อหน่วย
1 บาท/กรัม
ราคาสบู่อยู่ที่
30,000
กีบ หรือ 130 บาทในลาวค่ะ แต่ในไทย 100
บาท คิดที่ราคาในไทยแล้วกันค่ะ 30 บาทถือเป็นค่าวิชาของคนรีวิวแล้วกันค่ะ
555
ขนาดก้อน 100
กรัม ถือว่าพอสู้ไหวราคาไหว ไม่แพงมาก หยิบง่ายจ่ายคล่อง
มาดูแพ็คเก็จของแบรนด์นี้กันต่อค่ะ
แพ็คเก็จ
ถือว่าลงทุนเลยที่เดียว กล่องหนา ซองพลาสติกด้านในเป็นสีขาวขุ่น เคลือบสองชั้น
ดูมีเกรดขึ้นมาเลยทีเดียว แต่ก็ไม่มีการสกรีนที่ซองพลาสติกและที่ตัวสบู่ แต่ทีเด็ดของแบรนด์นี้คือ
มีการใส่ใบโบรชัวร์มาให้ในกล่องด้วย อธิบายถึงสรรพคุณและสารสกัดต่างๆที่ใส่ไป
ถือว่ากล้าลงทุนมากสำหรับแบรนด์นี้ คืออย่างที่บอกค่ะ ทั้งที่กล่องไม่ได้ใช่ประโยนช์อะไร
แต่การที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ขายดี แพ็คเก็จต้องสวยและดูดีก่อน ลองอ่านในใบโบรชัวร์ก็จะมีช่องทางการติดต่อหลายๆช่องทาง
ถือว่าเป็นการตลาดอีกชนิดหนึ่งที่จะดึงดูดลูกค้าของแบรนด์นี้เลยทีเดียว แพ็คเก็จเราให้
5
คะแนนเต็มเลยค่ะ ถือว่ากล้าลงทุนมาก แค่ดูกล่องก็น่าใช้แล้วค่ะ
ทำให้นึกถึงโฟมล้างหน้าแบรนด์ระดับโลกอย่าง Chanel เลยค่ะ เพราะมีสีกล่องคล้ายๆกัน
แต่ไม่รู้คุณภาพจะเป็นยังไง มาดูกันต่อค่ะ
สบู่มีลักษณะก้อนสี่เหลี่ยม
จับไม่ค่อยถนัดมือ เราให้ที่ 2 คะแนนนะค่ะ
ส่วนกลิ่นต้องบอกว่า
หอมกลิ่นน้ำนมข้าวมาก แค่แกะซองพลาสติกออกมายังหอมเลย ให้คะแนนที่ 5
คะแนน
ฟองแฟ็บให้ 1 คะแนน ฟองละเอียดมากไม่ค่อยมีฟองแฟ็บ
ฟองครีบให้ 5 คะแนน ฟองมีลักษณะเป็นครีบยืดๆ ถูๆไปสักพักจะเกิดวีปครีม
แล้วสามารถยืดได้ เหมือนที่ข้างกล่องเขียนไว้ค่ะ
การชำระล้างสิ่งสกปรก
ให้ 5
แต้ม สามารถชำระล้างได้ดี เพราะฟองละเอียดมาก
ความกระจ่างใสให้
3
แต้ม ไม่ค่อยเห็นความแตกต่างมากนัก ในครั้งแรกที่ใช้
ความชุ่มชื้นของผิวให้
5
แต้ม ทั้งที่ล้างสบู่แต่กับเหมือนล้างโฟมล้างหน้า
ล้างเสร็จผิวยังชุ่มชื้นค่ะ
การระคายเคืองผิวให้
4 แต้ม ถ้าถูแรงๆเกิน ก็เกิดการอาการแสบนิดๆหลังใช้เสร็จเหมือนกัน
สรุปผล
ข้อดี
คือ
- แพ็คเก็จ
ดูน่าใช้ ดูเหมาะสมกับราคา
- กลิ่นหอมน้ำนมข้าวมาก
- ฟองละเอียดมากคล้ายๆวิปครีม
สามารถดึงสิ่งสกปรกได้ดี
- หลังใช้ผิวมีความชุ่มชื้นมาก
ทั้งที่ล้างสบู่แต่กับเหมือนล้างโฟมล้างหน้า
ข้อด้อย
คือ
- สบู่มีลักษณะเป็นเหลี่ยมๆ
จับไม่ค่อยถนัดมือ
- ฟองแฟ็บน้อยเกินไป
- สบู่มีลักษณะยืดๆ
ซึ่งบางคนอาจจะไม่ชอบ แต่ส่วนตัวเราชอบค่ะ เพราะถูแล้วทำให้ผิวเราชุ่มชื้นค่ะ
หลังจากที่รีวิวก็คิดในใจ
ว่าทำไมสินค้าบางอย่าง กับขายดีในต่างประเทศ
อาจเป็นเพราะสินค้าทุกอย่างที่จะนำออกไปขาย
ก็ต้องทำให้ดีทุสุด เพราะถือเป็นหน้าเป็นหน้าของคนไทย
ฟังแล้วรู้สึกภาคภูมิใจแทนคนไทยใช่ไหมค่ะ แต่ถ้าคิดกลับกัน เราจะรู้สึกน้อยใจขึ้นมาทันทีเลยค่ะ
“ผลไม้ไทยเกรดดีๆ
คนไทยไม่ได้กิน เพราะส่งออกไปขายต่างประเทศ”
“ข้าวดีๆเกรดพรีเมี่ยม
คนไทยไม่ได้กิน เพราะส่งออกไปขายต่างประเทศ”
“อาหารทะเลเกรดพรีเมี่ยม
คนไทยไม่ได้กิน เพราะส่งออกไปขายต่างประเทศ”
“สินค้าเกรดพรีเมี่ยมหลายๆแบรนด์ฝีมือคนไทย
แต่คนไทยไม่ได้ใช้ เพราะส่งออกไปขายต่างประเทศ”
คิดแล้วก็น่าน้อยใจนะค่ะ
นอกเรื่องไปไกลแล้วค่ะ 555
เดี๋ยวเรามาสรุปคะแนนกันต่อดีกว่าค่ะ
ว่าแบรนด์ไหนที่คือ 1 ในใจเราวันนี้ (ความคิดเห็นส่วนตัวนะค่ะ)
คะแนนเต็ม 5 จากความคิดเห็นส่วนตัว
คะแนนรวมทั้งหมด 50 คะแนน
สบู่ที่ได้คะแนนเต็มแต่ละหัวข้อ
1.เรื่องราคา
ต้องยกให้ทั้ง 3 แบรนด์นี้ à
สบู่อิงอร, สบู่เบนเนท, สบู่โพรเทค
2.เรื่องแพ็คเก็จ
ต้องยกให้ à สบู่แอริน่า
3.เรื่องความถนัดในการจับ
ต้องยกให้ à สบู่อิงอร, สบู่โอโม่ไวท์พลัส
4.เรื่องกลิ่น
ต้องยกให้ à สบู่เบนเนท,
สบู่แอริน่า
5.เรื่องฟองแฟ็บ
ต้องยกให้ à สบู่เบนเนท, สบู่โอโม่ไวท์พลัส
6.เรื่องฟองครีบ
ต้องยกให้ à สบู่แอริน่า
7.เรื่องการทำความสะอาด
ต้องยกให้ à สบู่โพรเทค, สบู่แอริน่า
8.เรื่องผิวกระจ่างใส่
มี 2 แบรนด์ที่ใกล้ 5 คะแนนมากที่สุดคือ à สบู่เบนเนท, สบู่โอโม่ไวท์พลัส
9.เรื่องความชุ่มชื้นผิว
ต้องยกให้ à สบู่แอริน่า
10.เรื่องการระคายเคืองผิวน้อยที่สุด
ต้องยกให้ à สบู่อิงอร, สบู่แอริน่า
เมื่อสรุปผลแล้ว
ก็จะเห็นความแตกต่างของแต่ละแบรนด์ค่ะ
แต่ละแบรนด์มีทั้งข้อดี
ข้อด้อยแตกต่างกันไป ซึ่ง 10 ข้อหัวที่เรายกมารีวิวนี้
ไม่สามารถตัดสินได้ว่าสบู่ไหนดีที่สุด
ขึ้นอยู่กับลูกค้าว่าชอบเอกลักษณ์ด้านไหนของแต่แบรนด์
บอกก่อนเลยว่า
การรีวิวครั้งนี้ก็เป็นแค่ความคิดเห็นส่วนตัวนะค่ะ บ๊ายๆค่ะ ไว้เจอกันรีวิวถัดไป
คอยดูกันว่า เอฟจะหยิบสินค้าไหนมารีวิวกันค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น